แนวรับ แนวต้าน คืออะไร
แนวรับ หรือ Support คือการที่ราคาลงมาถึงแนวรับนั้นๆ จากนั้นราคาก็เด้งกลับไปต่อ
แนวต้าน หรือ Resistance คือการที่ราคาวิ่งขึ้นไปชนแนวต้านนั้นๆ จากนั้นราคาก็ดีดกลับลงต่อ
เรียกง่ายๆว่าแนวรับทำให้เราคาไม่ลงต่อ ส่วนแนวต้นทำให้ราคาไม่ขึ้นไปต่อนั่นเอง
กำหนดเป้าหมายในการเทรด ด้วยแนวรับ แนวต้าน
แนวรับ แนวต้น สามารถใช้เป็นเป้าหมายในการเทรดได้ คืออดีตราคาขึ้นไปเป็นแนวต้านตรงไหน อนาคตก็จะขึ้นไปทดสอบที่แนวต้านที่เคยขึ้นไป
เช่นเดียวกับแนวรับ ราคาที่เคยลงไปถึง อนาคตราคาก็จะกลับลงไปทดสอบแนวรับเดิมได้ เป็นไปตามธรรมชาติ เป็นรอบๆ ของการขึ้น ลง อดีตเคยเป็นยังไง อนาคตกราฟก็จะวิ่งไปที่เดิมที่เคยขึ้นและลงเสมอ
Double Top เกิดจากแนวที่แนวต้าน (อดีต) และแนวต้านปัจจุบันมาชนที่เดียวกัน ราคามักจะดีดตัวกลับลงแรงๆเสมอ คล้ายๆกับตัว M บางครั้งจะเป็นตัว M หางยาว
Double Bottom เกิดจากการที่ แนวรับ (อดีต) และแนวรับปัจจุบันมาชนที่เดียวกันมักจะดีดกลับขึ้นแรงๆ เสมอ คล้ายๆกับตัว W บางครั้งจะเป็นตัว W หางยาว
ใช้แนวรับ แนวต้าน เป็นจุด Stop Loss
การใช้แนวรับ แนวต้านในการหา Stop loss ให้เป็นวินัยในการเทรด เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ต่อให้เรามั่นใจในแผนการเทรดแค่ไหน แต่ถ้าไม่มีการกำหนดจุด stop loss ก็อาจทำให้เราขาดทุนย่อยยับ ในวันที่ตลาดแรงๆ ราคาพุ่งทะลุทุกแนวรับ แนวต้าน สุดท้ายเราจะพอร์ตแตกได้เลย
กลยุทธ์การเทรดแบบ Break Out
- เป็นการหาจุดเข้าเทรด โดยใช้แนวรับ แนวต้าน เข้ามาช่วย
เมื่อราคาทะลุแนวต้านขึ้นไป เรียกว่า Break out ให้เตรียมตัว buy
เมื่อราคาทะลุแนวรับลงมา เรียกว่า Break out ให้เตรียมตัว Sell
การใช้เส้น Trend line มาประกอบกับ แนวรับ แนวต้าน เพื่อหาจังหวะในการเทรดให้ได้ประสิทธิภาพยิ่งขึ้น หากราคาหลุดเส้น Trend line ก็เป็นจังหวะในการเทรดแบบ Break Out อีกรูปแบบหนึ่ง
- จะให้ปลอดภัยสุด เมื่อเกิดแนวโน้มขาขึ้น แล้วมีจังหวะ break out ทะลุแนวต้านเดิม ขึ้นไปได้ เป็นจังหวะที่ควร buy จากเดินที่เคยเป็นแนวต้าน ก็จะเปลี่ยนเป็นแนวรับ ให้เราใช้จุดนี้เป็นแนวรับ โดยอาจจะรอให้ราคาย้อนลงมา แล้วหาจังหวะ Buy แต่บางทีราคาอาจจะไม่ย้อนกลับมา ทำให้เราตกรถได้ ก็ให้ buy ตั้งแต่ราคาทะลุไปแต่แรกเลย